UFABETWINS ลิเวอร์พูลเปิดหัวฤดูกาล 2018/19 ด้วยชัยชนะ 6 เกมติดต่อกัน
เวสต์แฮม 4-0/ คริสตัล พาเลซ 2-0/ ไบรท์ตัน 1-0/ เลสเตอร์ 2-1/ สเปอร์ส 2-1/ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0
จากนั้นเสมอ 2 นัดติดกับเชลซี 1-1 และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0 ก่อนจะชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 1-0 และ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 4-1

เสมออาร์เซน่อล 1-1 แล้วก็รันยาวชนะ 9 นัดซ้อนๆ ยิง 27 ประตู เสียแค่ 3 คลีนชีต 6 นัด มีสกอร์สวยๆ อย่างเกมชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 ต้อนนิวคาสเซิ่ล 4-0 ถล่มทีมปืนใหญ่ 5-1
จบปี 2018 ด้วยสถิติเตะ 20 นัดไม่แพ้ใครเลย มาแพ้ครั้งแรกก็นัดแรกของปี 2019 ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
หลังจากนั้นหงส์แดงก็ไม่แพ้อีกเลย ชนะ 13 จาก 17 เกม รวมถึงการเข้าเบรกชนะรวดอีก 9 นัดตั้งแต่เกมที่ 30 จนถึงนัดปิดฤดูกาลเกมที่ 38
แต่ผลเสมอ 4 จาก 6 เกมในช่วงปลายมกราคมถึงต้นมีนาคมกับ เลสเตอร์ เวสต์แฮม เอฟเวอร์ตัน และแมนฯ ยูไนเต็ด คือกุญแจสำคัญจริงๆ ที่ทำให้ลิเวอร์พูลไม่ได้แชมป์
นี่คือ 4 เกมที่พูดได้ว่าพวกเขาพลาด ขณะที่อีก 4 เกมที่เสียแต้มก่อนหน้านั้นไม่นับว่าพลาด เกมเสมอปืนใหญ่ถือว่าสมควร เกมแพ้แมนฯ ซิตี้ก็นับว่ารับได้ ขณะที่อีก 2 เกมถือเป็นโชคดีด้วยซ้ำที่ไม่แพ้เชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ กับไม่แพ้แมนฯ ซิตี้ในบ้านตัวเอง
ใน 4 เกมที่พลาด ถ้าเปลี่ยนเป็นชนะแค่เกมเดียว.. เกมไหนก็ได้ แค่เกมเดียว ลิเวอร์พูลก็จะจบฤดูกาลด้วยการมี 99 คะแนน เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกเฉือนซิตี้ 1 แต้ม
กระนั้นฟุตบอลไม่มีคำว่าถ้า.. เพราะหากเดอะค็อปจะมองอย่างนั้น แฟนเรือใบสีฟ้าก็มองแบบนั้นได้เหมือนกัน ในจำนวนเกมที่พลาดไปนั้นพวกเขาขอเปลี่ยนเป็นชนะแค่เกมเดียวพอ นั่นคือเกมที่ ริยาด มาห์เรซ ยิงจุดโทษข้ามคานที่แอนฟิลด์
ฉะนั้น ให้มองเป็นเรื่องมาตรฐานดีกว่า ฟุตบอลลีกเตะกันยาว 38 นัดเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พลาดเลย มันอยู่ที่ว่าใครจะพลาดน้อยกว่ากันเท่านั้น..
————————————-
มาตรฐานที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เซ็ตเอาไว้ค่อนข้างชัดเจน
100 คะแนนเมื่อสองฤดูกาลก่อน
98 คะแนนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ในมุมมองของแฟนบอลทั่วไป จริงอยู่โอกาสเก็บคะแนนได้มหาศาลขนาดนั้นอาจมีไม่มากนัก แต่ก็ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชุดนี้จะทำไม่ได้
ความรู้สึกที่ปกคลุมอยู่นั้นเป็นอารมณ์ประมาณว่า ต่อให้พวกเขาทำคะแนนได้ไม่ถึง 100 หรือ 98 คะแนนเหมือนสองฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ตัวเลขระดับ 93-94 คะแนนขึ้นไปในซีซั่นนี้นั้นเป็นไปได้
เพราะฉะนั้น มองแบบหยาบที่สุด ถ้าเก็บได้ไม่ถึง 93 คะแนนก็น่าจะเลิกพูดได้เลยสำหรับเรื่องแย่งแชมป์จากมือเรือใบสีฟ้า
ด้วยมาตรฐานที่สูงลิบของแมนฯ ซิตี้แบบนี้ คำถามจึงพุ่งเข้าใส่ลิเวอร์พูลมากกว่า
มีความมั่นใจแค่ไหนว่าจะทำได้ดีในระดับปรากฏการณ์ 97 แต้มเมื่อฤดูกาลที่แล้วอีก?
ผมคิดว่าเดอะค็อปหลายคนไม่ค่อยมั่นใจหรอกครับ เพราะ 97 คะแนนนั้นสูงอย่างเหลือเชื่อ เยอะอย่างไม่กล้าคาดหวัง เหมือนฝันมากกว่า
แฟนบอลลิเวอร์พูลมีความสุขกับฤดูกาล 2018/19 ทีมได้แชมป์ยุโรป และปักหมุดมั่นคงในพรีเมียร์ลีก พวกเขาแพ้เพียงแค่ทีมที่ไม่อาจต้านทานได้แค่นั้น
แน่นอนครับ ความหวังยังอบอวลแม้จะกังวลอยู่บ้างว่าทีมจะทำผลงานได้อย่างฤดูกาลก่อนไหม
เมื่อถึงเวลาลงสังเวียนแข้งแล้ว มันก็ต้องสู้ยิบตากันสักตั้ง ด้วยเราก็มีดีของเราเหมือนกัน
แม้จะไม่ค่อยมั่นใจนักกับ 97 แต้ม แต่ถ้าแมนฯ ซิตี้ดร็อปลง.. หงส์ก็พร้อมเสียบนะครับ
————————————-
กับนัดเปิดฤดูกาลกับนอริช ซิตี้ คืนวันนี้..
โอกาสที่จะพลิกล็อกเสียแต้มสำหรับลิเวอร์พูลมีน้อยถึงน้อยมาก เพราะสถานการณ์ทุกอย่างเอื้อให้ฝั่งแชมป์ยุโรปทั้งหมด
คุณภาพทีมดีกว่า คุณภาพผู้เล่นเหนือกว่า มีโมเมนตัมพุ่งขึ้นจากเกมปรีซีซั่นนัดสุดท้ายและคอมมิวนิตี้ชิลด์ ที่สำคัญคือได้เล่นในบ้าน ต่อหน้าเดอะค็อป
ผมก็มองเหมือนหลายๆ คนว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด สามคะแนนไม่น่ามีปัญหา
แต่สิ่งที่ตั้งใจจะสังเกตดูเป็นพิเศษในเกมที่แอนฟิลด์ตีสองคืนนี้มีอยู่ 4-5 เรื่องครับ อยากเห็นว่าลิเวอร์พูลจะมีภาพในเรื่องเหล่านี้อย่างไร
1ความกดดันของซาล่าห์
ถ้ายังจำกันได้ในช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ไม่ได้ทะลวงตาข่ายเป็นปืนกลเหมือนปีแรกที่เพิ่งย้ายจากโรม่า
อันที่จริงสถิติทำประตูของดาวเตะอียิปต์ไม่น่าเกลียดนะครับ 2 ประตูจาก 3 นัดแรก/ 3 ประตูจาก 6 นัดแรก/ 5 ประตูจาก 10 นัดแรก เพียงแต่เมื่อเปรียบเทียบกับฤดูกาลแรกแล้วเห็นความร้อนแรงที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดทำให้เดอะค็อปค่อนข้างกังวล
มีเสียงวิจารณ์เรื่องการเล่นที่ดูผิดธรรมชาติไป อยากทำประตูให้ได้จนกลายเป็นเกร็งในหลายๆ จังหวะ จริงอยู่ว่าสุดท้ายซาล่าห์ยังจบที่ 22 ประตูคว้าดาวซัลโวร่วมพรีเมียร์ลีกและยังได้แชมป์ยุโรป แต่การใช้โอกาสมากมายในเกมคอมมิวนิตี้ชิลด์กับแมนฯ ซิตี้ กลับกลายเป็นถูกหยิบขึ้นมาเป็นข้อวิตกอีกครั้ง
เกมกับนอริชเป็นโอกาสดีที่ซาล่าห์จะเริ่มต้นฤดูกาลอย่างราบรื่นด้วยประตู และวิธีการเล่นรวมทั้งการใช้โอกาสของเขาในเกมนี้น่าจับตามอง
2การแก้เกมของคล็อปป์
สิ่งหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้คืออาการเจาะไม่เข้า
ถ้าประตูแรกได้มาเร็วหรือเกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งแรก ประเด็นเรื่องความกดดันจากการเจาะทำประตูไม่ได้ก็ตกไป
กระนั้นมันก็ยังน่าสนใจอยู่ดีว่ารูปเกมของหงส์แดงในครึ่งแรกกับครึ่งหลังจะเป็นอย่างไร เจอร์เก้น คล็อปป์ จะมีวิธีการผ่อนคลายและใช้ตัวสำรองในครึ่งหลังอย่างไรในกรณีที่นำห่าง และจะมีการปรับแท็คติกกลยุทธแบบไหนถ้าหากสิ่งต่างๆ ไม่เป็นใจ
เพราะการแก้เกมของกุนซือเยอรมันยังไม่ถึงกับโดดเด่นจนเป็นเรื่องทอล์คออฟเดอะทาวน์หรือนับเป็นเต้ยของวงการ มีหลายครั้งที่เด็กๆ ของเขาตื้อหนักตั้งแต่ต้นจนจบ และการเปลี่ยนตัวไม่ได้ผล..
3ความเหนียวแน่นของเกมรับ
ลิเวอร์พูลมีเกมรับที่โดดเด่นกว่าใครเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อลีสซง เบ็คเกอร์ เก็บคลีนชีต 21 นัดในลีก เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แกร่งสุดยอดถึงขั้นแฟนบอลลุ้นให้ได้บัลลงดอร์ ฟูลแบ๊กทั้งสองข้างสะเด่าทรวง ทั้งคลีนชีตในเกมรับ ทั้งแอสซิสต์ในการรุก
ในฤดูกาลที่ทุกอย่างเป็นชุดเดิม เพื่อนร่วมทีมหน้าเดิม การรักษามาตรฐานของแรงกระหายและสมาธิในเกมของตัวเองให้ได้คือโจทย์สำคัญ
ไม่มีอะไรการันตีว่าลิเวอร์พูลจะยังเหนียวแน่นในเกมรับเหมือนฤดูกาลก่อน สิ่งที่พวกเขาจะต้องเจอแน่ๆ ก็คือการทำการบ้านมาเป็นอย่างดีของคู่ต่อสู้ ศึกษาเกมป้องกันของอลีสซง-ฟาน ไดค์-เทรนท์-โรเบิร์ตสัน มาโดยละเอียด
อย่างน้อยเกมรุกของคู่แข่งก็น่าจะรับมือได้ยุ่งยากขึ้น
การบ้านนัดนี้อาจไม่ยากนักเพราะโอกาสบุกของนอริชคงไม่เยอะ แต่ก็ยังอยากเห็นอยู่ดีว่าเกมรับของลิเวอร์พูลในนัดนี้ เดอะค็อปจะยังนั่งดูด้วยความสบายใจมากน้อยแค่ไหน
4ชากิรี่-เกอิต้า-อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน
ข้อนี้คล้ายกับข้อ 2 เรื่องแก้เกมเพียงแต่เฉพาะเจาะจงลงไปที่ตัวนักเตะ
เซอร์ดาน ชากิรี่ นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน คือขุนพลทีมชุดสองของคล็อปป์ และตกเป็นเป้าหมายให้พูดถึงมากกว่าเดิมทันทีหลังจากกุนซือด๊อยท์ชตัดสินใจไม่ซื้อสตาร์ดังมาเสริมทีมช่วงตลาดซัมเมอร์
เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเขายังมั่นใจในขุมกำลังสำรองที่ตัวเองมี ที่สำคัญคือทั้งสามคนยังไม่ได้เค้นฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาให้เห็น อ๊อกซ์เจ็บไปนาน ส่วนเกอิต้ากับชากิรี่ก็ลำบากพอสมควรกับการปรับตัวในซีซั่นแรก
มีการจับตามองถึงทีมชุดสองของหงส์แดงมากเพราะประเด็นไม่ซื้อใครนี่แหละ และสายตาย่อมจับจ้องมาที่พวกเขาสามคนเป็นพิเศษ
ถ้าสามคนนี้ถูกส่งลงสนาม ผมอยากจะเห็นว่าพวกเขาเล่นเป็นธรรมชาติและไหลลื่นกลมกลืนไปกับเกมของทีมมากขนาดไหน จะสร้างความสบายใจให้เดอะค็อปได้ตั้งแต่นัดจั่วหัวเลยหรือเปล่า
5การสร้างโอกาสจากฟูลแบ๊ก
ประสิทธิภาพในลูกครอสของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ทำให้ทั้งคู่โดดเด่นกว่าฟูลแบ๊กร่วมลีกคนอื่นๆ
เทรนท์แอสซิสต์ 12 ประตู ร็อบโบ้แอสซิสต์ 11 ประตู เป็นฤดูกาลที่ท็อปฟอร์มมากของทั้งสองคน และเมื่อมันเกิดขึ้นพร้อมๆ กันก็ยิ่งทำให้ทีมได้ประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะความระมัดระวังของฝ่ายตรงข้ามยิ่งทำได้ลำบาก
พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้วไม่มีฟูลแบ๊กคนไหนมีสถิติแอสซิสต์ใกล้เคียงสองคนนี้เลย ริคาร์โด้ เปเรยร่า ของเลสเตอร์ กับ โฮเซ่ โฮเลบาส ของวัตฟอร์ดคือคนที่จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูใกล้ทั้งคู่ที่สุดแต่ก็ทำได้คนละ 6 ครั้งเท่านั้น อีกทั้งยังมาจากฝั่งเดียว ไม่ใช่ทั้งสองฟากสนามในทีมเดียวกันอย่างเทรนท์กับร็อบโบ้
เราหลับตาก็เห็นภาพการเติมเกมบุกของทั้งคู่ คืนนี้อยากจะเห็นว่าประสิทธิภาพของบอลด้านข้างจากสองคนนี้จะมีแววแบบไหน ยังอันตรายเหมือนซีซั่นก่อนหรือเปล่า
————————————-
นั่นคือ 5 ข้อที่ผมอยากเห็นในคืนนี้นอกเหนือไปจากสามคะแนนที่ถือว่าสำคัญที่สุด
ทำทั้ง 5 ข้อผ่านหมดแต่ไม่ชนะ ไม่มีประโยชน์ สู้ติดขัดข้อใดข้อหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งข้อ แต่ทีมยังได้ 3 คะแนนดีกว่า
แต่ถ้าทำทั้ง 5 ข้อผ่านฉลุยและชนะสวย เดอะค็อปก็คงชื่นใจ เพราะเปิดตัวได้อย่างที่คิด ได้ลุ้นกันยาวๆ
รอดูกันนะครับ ตีสองคืนนี้เรามีนัดกัน..
คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
คลิกเลย >>> https://www.executivelimousines-carhire.com/