อิงส์ ดาวซัลโวถ้า…., ดาวรุ่งซัดเยอะ !! สกาย สปอร์ตส์ เปิดสถิติพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/2020
สกาย สปอร์ตส์ สื่อชั้นนำในประเทศอังกฤษ ทำการเปิดเผยสถิติที่น่าสนใจในฤดูกาล 2019/2020 โดย แดนนี่ อิงส์ หัวหอกเซาธ์แฮมป์ตัน ครองดาวซัลโวจากผลงานยิงประตูได้ในกรณีที่ตัดจำนวนประตูจากจุดโทษออกไป
การแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ประจำฤดูกาลนี้จบอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว หลัง ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอบครอง, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สอย คาราบาว คัพ ขณะที่ อาร์เซน่อล คว้าโทรฟี่ เอฟเอ คัพ ไปเชยชม พร้อมกับสอยตั๋วไปเล่นศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก แบ่งกลุ่ม โดย ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องไปเจอกับความเหนื่อยยากในการเล่นรอบคัดเลือก รอบ 2, รอบ 3 ตามด้วยเพลย์ออฟ
ขณะที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง หัวหอกมากประสบการณ์ชาวกาบอง กลายเป็นนักเตะคนที่สองของ อาร์เซน่อล ที่ยิง 20 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีก 2 ซีซั่นติดต่อกัน หลังจากที่ เธียร์รี่ อองรี ตำนานของสโมสรซึ่งเคยทำได้ 5 ปีติดต่อกันช่วงระหว่างปี 2001-2006
สำหรับ เบิร์นลี่ย์ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นในฤดูกาลนี้ โดยพวกเขาเก็บคะแนนได้มากกว่าซีซั่นที่แล้วถึง 14 แต้ม โดยทีมของกุนซือฌอน ไดซ์ จบฤดูกาลในอันดับ 10 พร้อมกับสอยไป 54 คะแนน
นอกจากนี้ในเกมพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้มีนักเตะดาวรุ่งจากจำนวน 12 คน ยิงประตูรวมกันถึง 25 ลูก ขณะที่ถ้านับเฉพาะ 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้รวมกันนั้นมีดาวรุ่งทำประตูได้เพียง 19 ลูกเท่านั้น
แม็ตธิว ลองสตาฟฟ์ กองกลางร่างเล็ก “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นแข้งดาวรุ่งคนแรกที่ยิงประตูในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี แมตช์พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ปี 2010 ในเกมที่ช่วยต้นสังกัดเฉือน “ปีศาจแดง” 1-0 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
“เดอะ เชอร์รี่ส์” บอร์นมัธ ต้องโบกมือบ๊ายบายศึกพรีเมียร์ลีก ครั้งแรกนับตั้งแต่ที่อยู่โลดแล่นในรายการนี้มาตลอด 5 ซีซั่น
ขณะที่ เมสัน กรีนวู้ด กองหน้าวัยกระเตาะ แมนฯ ยูไนเต็ด ซัด 2 ประตูให้ทัพ “เร้ด เดวิลส์” เกมทุบ อาแซด อัล์คมาร์ 4-0 ในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิง 2 ประตูหรือมากกว่านั้นในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปให้กับสโมสรด้วยวัยเพียง 18 ปีกับ 72 วัน
นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อายุน้อยสุดที่ยิงได้ 2 ประตูหรือมากกว่านั้นในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป
| นักเตะ | อายุ | วันที่ลงแข่ง | คู่แข่ง |
| เมสัน กรีนวู้ด | 18 ปี 72 วัน | 12 ธ.ค. 2019 | อาแซด อัล์คมาร์ |
| มาร์คัส แรชฟอร์ด | 18 ปี 117 วัน | 25 ก.พ. 2016 | เอฟซี มิดทิลแลนด์ |
| เวย์น รูนี่ย์ | 18 ปี 340 วัน | 28 ก.ย. 2004 | เฟเนร์บาห์เช่ |
| จอร์จ เบสต์ | 19 ปี 137 วัน | 6 ต.ค. 1965 | เอชเจเค เฮลซิงกิ |
ในส่วนของ สเปอร์ส เป็นทีมที่ครองบอลได้สูงที่สุดถึง 80.2 เปอร์เซนต์ ในแมตช์ที่พวกเขาแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1 ในเกมลีกเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นทีมที่แพ้ ที่มีครองบอลได้เยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ที่ อ็อปต้า เริ่มเก็บสถิติ
สำหรับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส จบฤดูกาลนี้โดยที่พวกเขาแพ้ในเกมลีกไม่ถึง 10 แมตช์เป็นครั้งแรกในการเล่นระดับลีกสูงสุดของประเทศ นับตั้งแต่ที่พวกเขาคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 1958/59 (แพ้ 9 แมตช์จากการเล่นทั้งหมด 42 เกม)
ขณะที่ แดนนี่ อิงส์ กองหน้าจาก “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน เป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงได้ 20 ประตูหรือมากกว่าในพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ ทั้งที่เล่นให้กับทีมครึ่งล่างในตารางลีก นับตั้งแต่ที่ ดาร์เรน เบนท์ เคยซัดไป 24 ประตูให้กับ “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ ในซีซั่น 2009/2010 แถม อิงส์ ยังเป็นดาวซัลโวสูงสุดในกรณีที่ไม่รวมประตูจากการยิงจุดโทษ
ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในกรณีไม่นับรวมประตูจากจุดโทษ
| นักเตะ | สโมสร | ประตู (ไม่นับจุดโทษ) |
| แดนนี่ อิงส์ | เซาธ์แฮมป์ตัน | 21 |
| ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง | อาร์เซน่อล | 20 |
| ราฮีม สเตอร์ลิง | แมนฯซิตี้ | 20 |
| เจมี่ วาร์ดี้ | เลสเตอร์ ซิตี้ | 19 |
| ซาดิโอ มาเน่ | ลิเวอร์พูล | 18 |
| อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล | แมนฯ ยูไนเต็ด | 17 |
ด้าน เอเมริค ลาปอร์ต เซนเตอร์แบ็ก “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นให้กับต้นสังกัดในเกมลีก 15 แมตช์ในฤดูกาลนี้ โดยทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เสียไปเพียง 5 ประตูเมื่อมีเขาอยู่ในสนาม ในขณะเดียวกันทีมเสียถึง 30 ประตูจาก 23 เกมที่ไม่มี ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ คุมแนวรับ เฉลี่ยแล้ว ลาปอร์ต เสียเพียง 1 ประตูในทุกๆ 220 นาที เมื่อเขาลงเล่น ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในลีกซีซั่นนี้เลยทีเดียว
จำนวนนาทีต่อการเสีย 1 ประตูของเซนเตอร์แบ็กในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/2020
| นักเตะ | สโมสร | จำนวนนาทีต่อการเสีย 1 ประตู |
| เอเมริค ลาปอร์ต | แมนฯ ซิตี้ | 220 |
| วิลลี่ โบลี่ | วูล์ฟส์ | 131 |
| โจ โกเมซ | ลิเวอร์พูล | 124 |
| จอห์น อีแกน | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 106 |
| แจ็ค โอคอนเนลล์ | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 104 |
| เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ | ลิเวอร์พูล | 103 |
อาร์เซน่อล ไปถึงรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยได้ตลอดทั้ง 5 ฤดูกาลหลังสุดทั้งที่พวกเขาไม่ติด 5 อับดับแรกของลีกหากนับตั้งแต่ปี 1988 ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า กลายเป็นคนแรกที่สวมปลอกแขนกัปตันทีม และผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ที่ได้ครองแชมป์เอฟเอ คัพ
นอกจากนี้ 27 ประตูที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ยิงได้ในเกมลีก ฤดูกาลนี้ มาจากผลงานของนักเตะที่อายุ 22 ปีหรือต่ำกว่านั้น ขณะที่ตลอดช่วง 4 ฤดูกาลก่อนหน้านี้มีค่าเฉลี่ยเพียง 2.25 ประตูต่อซีซั่น
คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> https://www.executivelimousines-carhire.com/